เราจำเป็นต้องใช้คุกกี้ในการใช้งานเว็บเพจ โปรดอ่านนโยบายคุกกี้เพิ่มเติม

ในยุคที่เทคโนโลยีมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว : ข้อมูลดิจิตอลนั้นก็ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างมหาศาล . ในอดีตเราจำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการข้อมูลเหล่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ Tablet หรือ Smartphone ก็สามารถทำงานเหล่านั้นได้แล้ว . เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างเช่น Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้การใช้งานอุปกรณ์ประเภท Mobile Devices นั้นสะดวกมากขึ้น แม้กระทั่งกล้องดิจิตอลก็สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้แล้ว . การเติบโตของเทคโนโลยี Mobile เป็นสาเหตุของการเติบโตของจำนวนข้อมูล ทำให้ความต้องการในการเก็บข้อมูลเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . คนส่วนใหญ่ตอนนี้ก็มีทั้ง Mobile Device และคอมพิวเตอร์ และความต้องการในการ Backup หรือจัดการข้อมูลผ่านอุปกรณ์ได้ทุกตัวก็กำลังเป็นประเด็นที่ร้อนแรง . วิธีที่ง่ายและคุ้มค่าที่สุดสำหรับความท้าทายเหล่านี้ ก็คงเป็นการใช้ Network Attached Storage (NAS)

NAS คืออะไร?

Network Attach Storage หรือ NAS จากทาง ASUSTOR คือคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาเพื่อการเก็บและให้บริการข้อมูล . มันมีการเชื่อมต่อโดยตรงเข้ากับเครือข่าย ทำให้ผู้ที่อยู่ในเครือข่ายนั้น สามารถเข้าถึงและแบ่งปันไฟล์ได้จากจุดศูนย์กลาง

WhyNAS + HDD = พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ส่วนตัว ASUSTOR NAS?

NAS นั้นเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ภายในประกอบไปด้วย Mainboard, CPU, RAM และช่องสำหรับใส่ Harddrive รวมไปถึงระบบปฏิบัติการของตัวเอง . NAS จาก ASUSTOR ยังถูกออกแบบมาให้มีพอร์ต I/O ที่หลากหลายเพื่อให้การใช้งานนั้นยืดหยุ่นอย่างมากที่สุด ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยี Cloud Computing แล้ว NAS ก็ถือเป็นประเภทหนึ่งของบริการ Cloud Storage ส่วนตัว . ความจุของ Cloud Storage เหล่านั้นจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละบุคคล . ปัจจุบันขนาดความจุของ Harddrive ที่มากสุดในตลาดก็คือ 16TB . เมื่อคุณมี NAS แล้ว คุณสามารถนำข้อมูลที่คุณมีกระจัดกระจายอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามารวมอยู่ที่ศูนย์กลางและเข้าถึงมันจากอุปกรณ์ทุกตัวของคุณได้ทุกเวลา . การมี Cloud ส่วนตัว จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณมากขึ้น . คุณสามารถเชื่อมต่อ NAS แค่กับเครือข่ายภายในเพื่อความปลอดภัย หรือจะให้มันเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตก็ได้ . แม้ว่าคุณจะเชื่อมค่อกับอินเตอร์เน็ต . NAS จาก ASUSTOR ก็มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย เช่น ADM Defender, การเชื่อมต่อ HTTPS, การควบคุมสิทธิ์ในการเข้าถึง, การเข้ารหัส Folder, และระบบ Antivirus ที่จะทำให้ข้อมูลคุณถูกปกป้องและมีความปลอดภัย

แม้ว่าราคาจะเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ NAS แต่ปัจจัยอื่นๆก็ควรจะถูกนำมาพิจารณาด้วยเช่นเดียวกัน . คุณควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่นเสถียรภาพของ NAS, ประสิทธิภาพ, ความสามารถในการขยับขยายด้าน Hardware หรือ Software, ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้, วิธีการติดตั้ง, คุณภาพของบริการหลังการขาย ว่าตอบโจทย์ของคุณหรือเปล่าด้วย . NAS จากทาง ASUSTOR สามารถถูกแบ่งได้เป็นหลายหมวดหมู่ ตามประเภทของกลุ่มผู้ใช้ของสินค้าแต่ละประเภท . กลุ่มผู้ใช้เหล่านั้นก็จะประกอบไปด้วย ผู้ใช้ส่วนตัว/ผู้ใช้ในบ้าน , กลุ่ม Prosumer/SOHO/ และ ธุรกิจหรือองค์กรขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดกลาง . รุ่นของ NAS จาก ASUSTOR สามารถถูกแบ่งแยกได้ตามจำนวนของ Bay ที่ใส่ Harddisk ที่แต่ละตัวนั้นมีให้ . NAS จาก ASUSTOR มาในรูปแบบ 2,4,8,9,10,12 Bay . คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการในรูปแบบทรง Tower หรือ Rackmount เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคุณ . คุณสามารถใช้ข้อมูลที่นำเสนอด้านบนนี้เพื่อประเมินความต้องการพื้นฐานของคุณ . ด้านล่างนี้จะมีปัจจัยเพิ่มเติมและข้อมูลเพื่อให้คุณเลือก NAS ให้ตรงกับความต้องการได้มากขึ้น

งบประมาณ

NAS จากทาง ASUSTOR มีการใช้หน่วยประมวลผลประสิทธิภาพสูงจากทาง Intel และมีการแบ่งตามกลุ่มราคา ต่ำ,กลาง,สูง ขึ้นอยู่กับประเภทของหน่วยประมวลผลที่ใช้ . หน่วยประมวลผลจะประกอบไปด้วย Atom, Celeron, Core i3 และ Xeon . ASUSTOR ยังมีรุ่นระดับเริ่มต้นที่ใช้หน่วยประมวลผล Marvell แบบ Dual-Core ด้วย . สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีงบประมาณไม่มาก สินค้าตระกูล 2, 3 และ 31 นั้นจะใช้หน่วยประมวลผล Atom/Celeron หรือตระกูล 10/40 ที่ใช้หน่วยประมวลผล Marvell นั้นจะมีราคาต่ำลงไปอีก . สำหรับกลุ่ม Prosumer และธุรกิจขนาดเล็ก ที่ต้องการประสิทธิภาพในการใช้งานและความยืดหยุ่นมากขึ้น ตระกูล 50,51,61,62 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับงบประมาณระดับกลาง ด้วยหน่วยประมวลผล Celeron . ส่วนกลุ่มองค์กรที่มีความต้องการมากขึ้นอีก เราแนะนำ NAS ตระกูล 70 ที่มากับหน่วยประมวลผล Core i3 และ Xeon . ตารางเปรียบเทียบของ ASUSTOR

ประสิทธิภาพที่เสถียร

NAS จากทาง ASUSTOR มีการใช้ Hardware ประสิทธิภาพสูงอย่างเช่น Intel Core i3, Celeron, และ Atom ที่สามารถให้ความเสถียรและประสิทธิภาพระดับพรีเมี่ยม . บนสื่อและเว็บไซต์ของนักรีวิว NAS อย่าง Smallnetbuilder ASUSTOR AS7004T จัดเป็น NAS ที่ทรงพลังที่สุดในกลุ่มขนาด 4-Bay และ ASUSTOR AS5104 ตามมาเป็นอันดับที่สอง . นอกจากความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลแล้ว ประสิทธิภาพที่ดีนั้นหมายถึงการใช้งานแอพในรูปแบบ Multitask ที่ลื่นไหล, เสถียรภาพของระบบ, ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดีด้วยระบบ Smart Fan พิเศษของ ASUSTOR ที่จะมาช่วยควบคุมอุณหภูมิระบบ . ปัจจัยทั้งหมดนี้ควรจะถูกนำมาพิจารณาสำหรับเรื่องประสิทธิภาพ

Number of drive bays

NAS จากทาง ASUSTOR มีให้เลือกในรูปแบบ 2,4,8,9,10,12 Bay . เมื่อเลือก NAS คุณควรจะคำนึงถึงพื้นที่ความจุที่คุณจะต้องการใช้ และประเภทของ RAID หากต้องการจะใช้ด้วย . เมื่อสร้าง Volume ในแบบ RAID 1 NAS ที่ใช้จำเป็นต้องมีอย่างน้อย 2-Bay เช่นรุ่น AS1002T, AS-302T, AS3102T, AS5002T . เมื่อสร้าง Volume ในแบบ RAID 5 NAS ที่ใช้จำเป็ฯต้องมีอย่างน้อย 4-Bay เช่น AS5104T, AS6204T, AS7004T, AS5008T, AS7010T . NAS จากทาง ASUSTOR ทุกตัวรองรับการขยายความจุแบบ Online รวมไปถึงการทำ RAID Migration แบบ Online ทำให้มันตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการขยับขยายด้านความจุในอนาคตได้อย่างไม่ยากเย็นเลย . นอกจากนั้นแล้ว NAS ทุกรุ่นของ ASUSTOR จะรองรับการทำ Migration แบบไร้รอยต่อ โดยที่ผู้ใช้สามารถถอด Harddrive ที่ใช้อยู่ และนำมันไปติดตั้งใน NAS ของ ASUSTOR เครื่องอื่นๆ เพื่อที่จะเข้าถึงข้อมูลได้เลย . มันจะทำให้การอัพเกรดไปยัง NAS รุ่นที่ทรงพลังกว่า เป็นอะไรที่ง่ายและสะดวกมากๆ

ความสามารถในการขยับขยายทั้ง Hardware และ Software

การที่ NAS แต่ละตัวนั้นมีความสามารถในการขยับขยายด้าน Hardware หรือไม่นั้น จัดว่าเป็นประเด็นสำคัญสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ . NAS แต่ละตระกูลของ ASUSTOR นั้นจะมากับความสามารถในการขยับขยาย Hardware ที่แตกต่างกัน บางรุ่นรองรับ USB3.0/2.0, eSATA, และพอร์ต LAN, Memory ที่เพิ่มได้ในอนาคต, หรือการรองรับ Ethernet Card แบบ 10GbE ด้วยเช่นกัน . ยกตัวอย่างเช่น NAS ตระกูล 5 ของ ASUSTOR ในรุ่น 2 และ 4-Bay จะมีพอร์ต Ethernet มาให้สองช่อง แต่สำหรับรุ่น 8 และ 10-Bay ก็จะมีพอร์ต Ethernet ถึงสี่ช่อง , ASUSTOR ตระกูล 50,51,61,62 และ 70 รองรับการเพิ่ม Memory ในอนาคต ในขณะที่ตระกูล 7 รองรับการเพิ่ม Ethernet Card ความเร็ว 10GbE สำหรับรุ่น 8-Bay ขึ้นไป . รุ่นที่ออกแบบมาใช้งานในบ้านอย่างเช่นตระกูล 2,3 มีช่อง 3.5mm เพื่อส่งสัญญาณเสียง ในขณะที่ตระกูล 5 รองรับการ Output เสียงผ่านช่อง S/PDIF . ในส่วนของการขยับขยายด้าน Software นั้น NAS จากทาง ASUSTOR ทุกตัวจะมี App Central ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งดาวน์โหลดแอพให้ NAS เพื่อเป็นการเพิ่มฟีเจอร์และความสามารถให้กับตัว NAS เอง . ฟีเจอร์ที่น่านำไปพิจารณาก็ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถในการเล่นคอนเทนต์ Multimedia ได้, การรองรับและจัดการกล้องวงจรปิด, ใช้งานร่วมกับระบบต่างๆของ Windows ได้, การใช้งานได้จาก Platform ที่หลากหลาย, ความต้องการด้าน Mail Server, ความต้องการด้าน VPN Server และอื่นๆอีกมากมาย . ความสามารถในการขยับขยาย Software และ Hardware จัดเป็นอีกปัจจัยสำคัญและควรจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือก NAS ซักตัว

ความจุ;

เมื่อทำการเลือก NAS สำหรับสร้าง Cloud Storage ส่วนตัวนั้น , จำนวนความจุที่คุณต้องการคือจุดที่ควรนำมาเป็นประเด็นในการตัดสินใจ . ขนาดความจุของคุณและ RAID Level ที่ต้องการใช้ จะมีผลกับขนาดความจุของ Harddrive ที่คุณต้องการนำมาติดตั้งใน NAS . NAS จาก ASUSTOR ยังคงรองรับการขยายความจุในรูปแบบ Online นั่นหมายความว่าคุณสามารถเพิ่มความจุของระบบไปเรื่อยๆเมื่อมีความต้องการ ทำให้การจัดการนั้นยืดหยุ่นมากขึ้น . นอกจากนั้นแล้ว ฟีเจอร์ MyArchive จะทำให้ผู้ใช้นั้นสามารถขยายความจุได้อย่างไม่จำกัด . MyArchive จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ Harddrive ของ NAS ในรูปแบบ Removable Storage Archive . ฟีเจอร์ที่แสนสะดวกสบายนี้ จะทำให้คุณสามารถสร้างอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีความจุไม่จำกัด และสามารถถอดออกจากตัว NAS เมื่อไม่มีการใช้งานได้เครื่องคิดเลข RAID

สะดวกในการใช้

ความสวยงามและความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ของหน้าตา Interface ระบบนั้น จะมีผลโดยตรงกับการตัดสินใจว่าผู้ใช้นั้นยินดีที่จะใช้สินค้าตัวนั้นหรือไม่ . เมื่อทำการเลือกซื้อ NAS คุณควรคำนึงถึงการออกแบบโดยรวมของระบบปฏิบัติการที่ NAS ตัวนั้นใช้ รวมไปถึงการทำงานของระบบด้วย . ย้ำให้แน่ใจว่าหน้า Interface แบบนี้คือสิ่งที่คุณจะต้องใช้มันซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วรู้สึกดี . NAS จากทาง ASUSTOR ทุกตัวมากับระบบปฏิบัติการ ADM (ASUSTOR Data Master) ที่มีการออกแบบเน้นความเรียบง่าย ทั้งในการจัดการจัดการและการใช้งานทั่วๆไป . ระบบปฏิบัติการ ADM จะให้ประสบการณ์ในการใช้งานที่คล้ายคลึงกับอุปกรณ์มือถือ ทำให้มันใช้งานได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องมีการปรับตัวหรือเรียนรู้เพิ่มเติมแต่อย่างใด . นี่จะเป็นผลดีสำหรับผู้ใช้ NAS ครั้งแรก ทำให้ผู้ใช้เหล่านั้นคุ้นชินกับระบบมากขึ้น . ระบบปฏิบัติการ ADM ยังคงมีทางเลือกให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Wallpaper ของระบบ และหน้า Login ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง NAS ให้ตรงใจได้เลย

กลไกการรักษาความปลอดภัย

เมื่อ NAS มีการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตแล้ว คุณจะต้องคำนึงถึงระบบรักษาความปลอดภัยที่อุปกรณ์ของคุณมีด้วย . ประเภทของระบบรักษาความปลอดภัยนั้นจะประกอบไปด้วย ความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างปลอดภัย, การเข้ารหัสข้อมูล, Firewall และ Antivirus . NAS จากทาง ASUSTOR ทุกตัว มีทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้า และยังมีฟีเจอร์ MyArchive เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเก็บข้อมูลไว้ใน Harddrive ของ MyArchive และเก็บมันไว้ในที่ปลอดภัยในขณะที่ไม่มีการใช้งาน

Firewall
AES-256 บิตการเข้ารหัสโฟลเดอร์ที่ใช้ร่วมกัน
Trusted รายการรายการดำ, GEO IP
การเชื่อมต่อ VPN (PPTP, การเชื่อมต่อ OpenVPN)
เชื่อมต่อ HTTPS (หน้าเว็บ, โทรศัพท์มือถือ)
เชื่อมต่อแบบเข้ารหัส (FTP SSL / TLS, SSH, SFTP, Rsync และ SSH)
การแจ้งเตือนเหตุการณ์ (อีเมล์, SMS)
ล็อคดิสก์ถาด (51/62/7 Series)

ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

NAS ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานและมีการเปิดทิ้งไว้ตลอด . เพราะเช่นนั้นเสถียรภาพและความประหยัดพลังงานก็ควรนำมาเป็นหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจเลือก NAS ซักตัวเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ . นอกจากฟีเจอร์ Power Scheduling มาตรฐานแล้ว ฟีเจอร์ในการประหยัดพลังงานอื่นๆเช่น Sleep Mode, การควบคุม LED, การตั้งค่า Power Management ที่ยืดหยุ่น ก็มีมาให้เช่นกัน . NAS จากทาง ASUSTOR มีตัวเลือก Power Control ที่หลากหลายและจะช่วยให้ผู้ใช้ประหยัดพลังงานได้อย่างดีทีเดียว

บริการ

เมื่อเลือกซื้อ NAS ที่ตรงตามงบประมาณที่คุณมีได้แล้ว คุณยังควรคำนึงถึงเรื่องประกันและคุณภาพของบริการหลังการขาย . NAS รุ่นนั้นมีคู่มือและวิธีการใช้งานอย่างละเอียดหรือเปล่า ? มี Firmware และฟีเจอร์ใหม่ๆอัพเดทให้สม่ำเสมอหรือเปล่า ? มีช่องทางการติดต่อขอความช่วยเหลือด้านเทคนิคหลากหลายช่องทางหรือเปล่า ? พนักงานช่วยเหลือทางเทคนิคตอบปัญหาได้อย่างรวดเร็วและเป็นประโยชน์หรือเปล่า ? ตรวจสอบให้แน่ชัดว่า NAS รุ่นนั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนตามนี้

ออกแบบให้ใช้งานในรูปแบบ App-Based

ในอดีต NAS คืออุปกรณ์ Network ที่ปกป้องและให้ความปลอดภัยแก่ข้อมูลภายในด้วยการให้พื้นที่ความจุและการ Backup . หลักๆแล้วมันออกแบบมาสำหรับผู้ใช้งานในบริษัท . อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ข้อมูลมีมากขึ้น และพัฒนาการของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือเป็นไปอย่างก้าวกระโดด. ความต้องการของหน่วยเก็บข้อมูลก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในกลุ่มธุรกิจอย่างเดียว . กลุ่มลูกค้าที่หลากหลายก็มีความต้องการด้านหน่วยเก็บข้อมูลเพิ่มเติมขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน . เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ASUSTOR ก็มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่ล้ำสมัยเพื่อให้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของอุปกรณ์การเก็บข้อมูล . ASUSTOR คือเจ้าแรกที่สร้าง NAS โดยคอนเซ็ปต์ App Based ทำให้มีการใช้งานที่อเนกประสงค์, ยืดหยุ่น และปรับแต่งได้อย่างหลากหลาย จนตอบโจทย์ผู้ใช้ได้ทุกกลุ่ม . ผู้ใช้สามารถสร้างและตกแต่งอุปกรณ์ของตัวเองให้ตรงความต้องการได้เลย . นอกจากความสามารถในการเก็บข้อมูลเป็นหลักแล้ว . NAS จาก ASUSTOR ก็มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอีกมากมาย ทำให้ผู้ใช้ได้รู้จักถึงความสามารถอันไร้ขีดจำกัดที่ตัว NAS นั้นสามารถทำได้

ข้อดีของคอนเซ็ปต์การออกแบบ App-Based:

  • สามารถอัพเกรด Firmware และติดตั้งแอพแยกกันได้ . Firmware ตัว Official จะพัฒนาด้านฟีเจอร์หลักๆของระบบ รวมไปถึงเรื่องประสิทธิภาพ ในขณะที่การอัพเกรดแยกแต่ละแอพนั้นจะทำให้ประสบการณ์ใช้งานของแอพเหล่านั้นดีขึ้น
  • ความยืดหยุ่นในการเลือกติดตั้งแอพเฉพาะที่ต้องการใช้งาน และสามารถลบมันออกเมื่อไหร่ก็ได้.
  • ไม่ต้องกังวลว่าแอพที่ไม่ใช้จะมากินทรัพยากรของระบบทำให้ประสิทธิภาพในการใช้ฟีเจอร์หลักนั้นลดลง ทำให้ผู้ใช้นั้นมีอิสระในการเลือกติดตั้งแอพตามความต้องการ
  • ความเป็น Open Platform จะทำให้กลุ่ม Enthusiasts สามารถพัฒนาแอพเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกกลุ่มด้วย

NAS ที่มีอัตราส่วนด้าน ราคาต่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

นอกจากตัวเคสที่ออกแบบให้เป็นโลหะแล้ว . NAS จากทาง ASUSTOR ทุกตัวใช้หน่วยประมวลผล Intel x86 เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือชั้น . ฟีเจอร์ในการประหยัดพลังงานมากมายจะช่วยให้คุณลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก . นอกจากนั้น ฟีเจอร์ที่สามารถเพิ่มเติมได้จากการลงแอพใน App Central จะทำให้ NAS จาก ASUSTOR มีความคุ้มค่าเกินกว่าราคาค่าตัวไปมาก

...
ASUSTOR Portal ที่คล้ายกับ Smart TV - ประหยัดไปว่า $300
...
สร้างชุดเครื่องเสียงระดับ Hi-Fi - ประหยัดไปกว่า $100
...
เป็น Media Player มาตรฐาน 2K/4K - ประหยัดไปกว่า $100
...
สร้างระบบรักษาความปลอดภัย NVR ที่เชื่อถือได้ - ประหยัดไปกว่า $300
...
มี License ให้กล้องใช้ได้ฟรี 4 ตัว - ประหยัดไปกว่า $100
...
แอพกว่า 200 รายการ ที่จะมาเพิ่มฟีเจอร์ของ NAS - ประเมินค่าไม่ได้
...
แอพบนมือถือฟรี - ประเมินค่าไม่ได้
...
ให้ความปลอดภัยแก่ข้อมูล และบันทึกความทรงจำของคุณทั้งหมด - ประเมินค่าไม่ได้

เอาต์พุต HDMI

ASUSTOR คือเจ้าแรกในอุตสาหกรรม NAS ที่มีการให้พอร์ต HDMI มาในตัว . นี่จะทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างศูนย์กลาง Multimedia ประจำบ้านได้ ในขณะที่ยังคงใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์หลักของ NAS อย่าง Cloud Storage ไปพร้อมๆกัน . แอพ ASUSTOR Portal เพิ่มความสามารถให้กับ HDMI ด้วยการนำการใช้งาน HDMI หลายรูปแบบมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจัดการของระบบปฏิบัติการ ADM, Google Chrome Web Browser, XBMC Multimedia Player และ Surveillance Center . ผู้ใช้จะสามารถเล่นคอนเทนต์ Multimedia ที่เก็บไว้ใน NAS, ท่องอินเตอร์เน็ต, และดูภาพสดจากกล้องบน TV หรือ Monitor ได้โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์เลย . ผู้ใช้จะได้ใช้ฟีเจอร์ของคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงกว่า, Media Player, และ NVR สำหรับกล้องวงจรปิดได้แบบฟรีๆด้วย NAS ของตัวเอง . และนอกจากนั้น Surveillance Center ของ ASUSTOR ยังมี License ฟรีสำหรับกล้องมาให้สี่ตัวด้วยกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม . NAS จาก ASUSTOR จะทำให้ผู้ใช้นั้นประหยัดค่าใช้จ่าย, ประหยัดพลังงานและพื้นที่ เพราะตัว NAS นั้นมีความสามารถของหลายอุปกรณ์รวมอยู่ในอุปกรณ์เดียว

HDMI 2.0 บวกกับความสามารถในการแสดงผล 4K/UHD จะทำให้ภาพที่แสดงออกมานั้นคมชัดอย่างไร้ที่ติ

NAS ตระกูล AS63/64 รองรับ HDMI 2.0 รุ่นใหม่ ที่รองรับความละเอียดสูงสุด 60/50P ที่มีความลื่นไหลมากกว่า 30P ถึงเท่าตัว . ไม่ว่าคุณต้องการจะรับชมคอลเล็กชั่นภาพยนต์ Blu-Ray หรือจะดูวีดีโอที่ถูกบันทึกจากกล้องคุณภาพสูง NAS จาก ASUSTOR ก็สามารถแสดงผลมันได้ด้วยคุณภาพที่ชัดเหลือเชื่อ

*หากต้องการเล่น 4K/UHD 60P ผู้ใช้จำเป็นต้องใช้สาย HDMI 2.0 เท่านั้น

ว้าว (Wake on WAN) - เสมอในโหมดสแตนด์บาย

ต้องการเข้าถึงไฟล์ใน NAS เมื่อไหร่ก็ได้ แต่เป็นกังวลเรื่องการเปิดตัว NAS ทิ้งไว้นานๆ จะทำให้เปลืองค่าไฟใช่ไหม ? กลัว Harddrive จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง และกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของ Hacker หรือเปล่า ? NAS จากทาง ASUSTOR เป็นยี่ห้อแรกที่มีฟีเจอร์ Wake-on-Wan สำหรับตระกูล AS63/AS64 ทุกตัว เพื่อคลายความกังวลที่ว่าไปทั้งหมด ! WOW (Wake-On-WAN) จะทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของตัว NAS ผ่าน Internet เพิ่มความยืดหยุ่นในการเปิด/ปิด NAS . นี่จะช่วยประหยัดพลังงาน, ยืดอายุการใช้งานของ NAS และ Harddrive และยังลดโอกาสในการโดน Hack แบบสุ่มอีกด้วย

ฟังก์ชั่นที่หลากหลาย

NAS เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงปีหลังๆมานี้ เนื่องจาก Software ที่มีความเปิดกว้างด้วยพื้นฐานของ Linux ซึ่งทำให้นักพัฒนาหลายๆคนหันมาพัฒนา Application และเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆให้กับตัว NAS . และด้วยความที่คนส่วนใหญ่มีความคุ้นชินกัน Interface ของอุปกรณ์ประเภท Mobile มากขึ้น ASUSTOR จึงได้นำประสบการณ์ใช้งานนี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาระบบปฏิบัติการ ADM . นอกจากฟีเจอร์มาตรฐาน ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลด Application เพิ่มเติมจาก App Central มาเพื่อติดตั้งลงบน NAS ได้ด้วย . เช่นเดียวกับ Google Play และ App Store บนอุปกรณ์มือถือ App Central มีแอพที่จะใช้บนระบบปฏิบัติการ ADM ที่หลากหลาย ซึ่งผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม . แอพต่างๆใน App Central จะถูกแบ่งเป็นหมวดหมู่ที่เข้าใจง่าย มีหน้า Interface ที่ใช้งานง่าย และสามารถติดตั้งได้ด้วยคลิ๊กเดียว ทั้งหมดนี้จะทำให้แม้กระทั่งผู้ใช้ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน สามารถใช้งานได้เลยทันที ไม่ต้องมีการเรียนรู้แต่อย่างใด
ถึงแม้ว่าฟีเจอร์หลักๆของ NAS จะเป็นงานประเภท Backup และจัดเก็บข้อมูล แต่ NAS จากทาง ASUSTOR นั้นออกแบบมาด้วยพื้นฐานที่จะให้ผู้ใช้นั้นปรับแต่งเพิ่มเติมได้ ฟีเจอร์สามารถเพิ่มได้ง่ายๆด้วยการดาวน์โหลดแอพมาเพื่อปรับแต่ง NAS ของตัวเองผ่าน App Central . ยกตัวอย่างเช่น พอร์ต HDMI ที่ NAS ASUSTOR มีให้ จะสามารถใช้งานร่วมกับ ASUSTOR Portal และ Multimedia App เพื่อที่จะเปลี่ยน NAS ของคุณให้กลายเป็น Hub กลางของความบันเทิงในรูปแบบ Digital ได้เลย . หรือถ้าผู้ใช้จะต้องการใช้ NAS ให้เป็นตัวควบคุมระบบรักษาความปลอดภัย ก็สามารถโหลด Surveillance Center มาได้และเชื่อมต่อผ่านพอร์ต HDMI ไปยัง Monitor หรือ TV เพื่อที่จะดูภาพสดจากตัวกล้องได้เลย . ทั้งหมดนี้และอีกมากมาย เป็นไปได้ด้วย NAS จาก ASUSTOR

การเข้าถึงไฟล์ข้ามแพลตฟอร์ม

NAS จากทาง ASUSTOR มีความสามารถในการแชร์ไฟล์ในรูปแบบ Cross-Platform คุณจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ NAS ของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้ Windows, MacOS, หรือระบบปฏิบัติการประเภท Unix ก็ตาม . NAS จากทาง ASUSTOR ยังคงมีฟีเจอร์ Cloud Connect ที่จะทำให้การเข้าถึงจากนอกสถานที่เป็นเรื่องง่ายดาย . ด้วย Cloud Connect คุณจะสามารถสร้าง Hostname ที่จำง่ายๆขึ้นมา และใช้มันเชื่อมต่อเข้ากับ NAS คุณจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ห่างไกลจากที่บ้านหรือใช้งานผ่านอุปกรณ์มือถือ คุณแค่ใช้ Hostname นั้นเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับ NAS ได้ทันที . ASUSTOR ยังคงเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อด้วยการเข้ารหัส HTTPS รวมไปถึงการใช้ Passcode ในการล๊อค เพื่อให้การใช้ NAS มีความปลอดภัยสูงสุด . นอกจากนั้น ASUSTOR ยังคงเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่สามารถให้คุณติดตั้งและเริ่มใช้งาน NAS ได้จากอุปกรณ์มือถือ ทำให้คุณได้รับความสะดวกสบายที่ NAS เจ้าอื่นในตลาดไม่สามารถให้ได้

การขยายกำลังการผลิตที่ยืดหยุ่น

NAS จากทาง ASUSTOR มีความสามารถในการแชร์ไฟล์ในรูปแบบ Cross-Platform คุณจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับ NAS ของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้ Windows, MacOS, หรือระบบปฏิบัติการประเภท Unix ก็ตาม . NAS จากทาง ASUSTOR ยังคงมีฟีเจอร์ Cloud Connect ที่จะทำให้การเข้าถึงจากนอกสถานที่เป็นเรื่องง่ายดาย . ด้วย Cloud Connect คุณจะสามารถสร้าง Hostname ที่จำง่ายๆขึ้นมา และใช้มันเชื่อมต่อเข้ากับ NAS คุณจากที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่ห่างไกลจากที่บ้านหรือใช้งานผ่านอุปกรณ์มือถือ คุณแค่ใช้ Hostname นั้นเพื่อเชื่อมต่อเข้ากับ NAS ได้ทันที . ASUSTOR ยังคงเพิ่มความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อด้วยการเข้ารหัส HTTPS รวมไปถึงการใช้ Passcode ในการล๊อค เพื่อให้การใช้ NAS มีความปลอดภัยสูงสุด . นอกจากนั้น ASUSTOR ยังคงเป็นเจ้าเดียวในตลาดที่สามารถให้คุณติดตั้งและเริ่มใช้งาน NAS ได้จากอุปกรณ์มือถือ ทำให้คุณได้รับความสะดวกสบายที่ NAS เจ้าอื่นในตลาดไม่สามารถให้ได้

การโยกย้ายระบบที่สะดวก

ข้อดีของการซื้อ NAS จาก ASUSTOR ก็คือ มันรองรับการทำ System Migration แบบไร้รอยต่อ . เมื่อถึงเวลาที่จะต้องย้ายระบบไปยัง NAS ตัวใหม่ของ ASUSTOR คุณแค่ถอด Harddrive ออกจาก NAS ตัวเก่า และใส่เข้าไปใน NAS ตัวใหม่เท่านั้น ระบบจะเริ่มทำงานตามปกติได้ทันที . ฟีเจอร์นี้เหมาะสมอย่างมากกับกลุ่มองค์กร ที่อาจต้องมีการอัพเกรด NAS ไปใช้รุ่นที่ใหญ่กว่า เมื่อความต้องการขององค์กรนั้นมีมากขึ้น

ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน

ASUSTOR ออกแบบ NAS ด้วยปัจจัยหลักก็คือ ต้องมีเสถียรภาพและความประหยัดพลังงานที่เป็นเลิศ . เพื่อที่จะให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าไฟฟ้า NAS ของ ASUSTOR จะมีฟีเจอร์ประหยัดพลังงาน อย่างเช่น ErP, Power Scheduling, การ Hibernate Harddrive ทั้งแบบภายในและภายนอก, System Sleep Mode, การควบคุมไฟ LED ในโหมดกลางคืน และการปรับตั้งโหมดกลางคืนได้อย่างหลากหลาย ซึ่งคุณจะตั้งค่าได้เลยว่าช่วงเวลาไหนจะให้ตัว NAS เข้าสู่ Sleep Mode . MyArchive ก็เป็นอีกฟีเจอร์ที่สามารถประหยัดพลังงานได้ เพราะคุณสามารถถอด Harddrive ลูกที่ไม่ใช้งานออกมาข้างนอกได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียบคาไว้ในตัว NAS แต่อย่างใด . นอกจากนั้น NAS ของ ASUSTOR ยังมี Wake Time จาก Sleep Mode ที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม S3 . NAS จาก ASUSTOR นั้นสามารถ Wake จาก Sleep Mode ได้ในระยะเวลาแค่ 1.5 วินาที ทำให้มันประหยัดพลังงานในขณะไม่ทำให้การใช้งานนั้นติดขัดแต่อย่างใด

NAS จาก ASUSTOR มีฟีเจอร์อันแตกต่างที่ไม่สามารถเทียบได้ NAS จาก ASUSTOR มีฟีเจอร์อันแตกต่างที่ไม่สามารถเทียบได้

NAS จาก ASUSTOR มีฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยและแตกต่าง มากกว่าฟีเจอร์พื้นฐานของ NAS ทั่วๆไป ทำให้คุณมีประสบการณ์ในการใช้ NAS ที่เหนือกว่า

บริการหลังการขายมาตรฐานสูง

การบริการแบบชั้นหนึ่งคือจุดมุ่งหมายหลักของ ASUSTOR . สินค้าทุกตัวจากทาง ASUSTOR มีการรับประกัน 3 ปี และยังมีการปล่อย Firmware Update อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ใช้ฟีเจอร์ล่าสุดและความเสถียรที่สุดอยู่ตลอด . นอกจากนั้น ASUTOR ยังมีช่องทางในการติดต่อขอความช่วยเหลือทางเทคนิคหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Online Tech Support System, หน้า Knowledge Base, Forums, และการติดต่อทางโทรศัพท์โดยตรง . ทาง ASUSTOR ยังมีฟีเจอร์ Dr.ASUSTOR ที่ติดตั้งมาให้ เพื่อที่จะเป็นการตรวจสอบการตั้งค่าในระบบ โดยที่ผู้ใช้สามารถ Export ข้อมูลเหล่านั้นออกมาได้ด้วย . ข้อมูลที่ถูก Export ออกมานั้น จะสามารถส่งไปให้ฝ่าย Support ของทาง ASUSTOR เพื่อที่จะได้ตรวจพบและแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ใช้นั้นไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปัญหาในการใช้งาน